เลิกบุหรี่ ทำได้ง่ายกว่าที่คิด


วิธีเลิกบุหรี่ บุหรี่เป็นสารเสพติดที่ให้โทษมากมาย ไม่ว่าใครได้ลองสูบก็จะทำให้ติดไปเรื่อยๆ จนทำให้เป็นนิสัยที่ไม่สามารถหยุดได้และโดยส่วนมากแล้วมักจะเกิดกับวัยรุ่นชายแต่ในปัจจุบันนี้แม้กระทั่งวัยรุ่นหญิงก็ติดบุหรี่เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน และเชื่อว่าหลายคนก็คงเคยที่หาวิธีในเลิกสูบบุหรี่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าใครที่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สำหรับคนที่กำลังหาวิธีการเลิกสูบบุหรี่อยู่เรามีวิธีการเลิกสูบบุหรี่มาแนะนำให้คุณๆ ทั้งหลายได้นำไปปฏิบัติตามกันค่ะและวิธีที่จะแนะนำต่อไปนี้คุณไม่ต้องทำทุกวิธีก็ได้ให้คุณเลือกดูว่าวิธีไหนที่คุณจะสามารถทำได้และสะดวกกับคุณ และวิธีการเลิกบุหรี่ก็มีหลายแบบมากค่ะ ไปดูกันเลยค่ะว่ามีแบบไหนกันบ้าง

 วิธีการเลิกบุหรี่ ง่ายๆ ที่สามารถทำได้นะค่ะมาดูกันเลยค่ะว่ามีวิธีการปฏิบัติอย่างไรบ้าง

การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การดื่มน้ำจะทำให้ท่านรู้สึกสบาย และอีกทั้งยังช่วยกำจัดนิโคตินออกจากร่างกายได้ด้วย การดื่มน้ำนั้นเราควรเริ่มตั้งแต่การตื่นนอนตอนเช้า หลังอาหารทุกมื้อ ช่วงระหว่างมื้ออาหาร และก่อนนอนนะค่ะ
วางเป้าหมายไว้ล่วงหน้า เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมในการเลิกบุหรี่ และการปฏิบัติตนในช่วงเวลาเลิกบุหรี่ โดยต้องกำหนดวันที่จะเลิกสูบบุหรี่ อาจจะเลือกวันสำคัญทางศาสนา วันสำคัญของตัวเอง วันสำคัญของครอบครัว หรือวันสำคัญของชาติ  โดยกำหนดเอาวันที่ใกล้ที่สุด
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จให้รีบลุกออกทันที เพราะคนที่เคยสูบบุหรี่จะติดนิสัยเคยชินในการสูบบุหรี่ หลังจากการรับประทานอาหาร ฉะนั้นเมื่อท่านรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ให้รีบลุกออกจากโต๊ะอาหารไปทันที  จากนั้นให้หางานอดิเรกทำ เพือให้มีงานทำอยู่ตลอดเวลาจะทำให้คุณเพลิดเพลินและลืมบุหรี่ไปเลย
ให้คุณทิ้งทั้งบุหรี่และที่เขี่ยบุหรี่ให้ไปไกลๆ  ให้พ้นสายตาคุณ เพราะว่าจะเลิกทั้งทีคุณต้องจัดการให้เด็ดขาดกับมันจริงๆ จะวางให้ยั่วยุสายตาคุณไม่ได้ให้เอาทิ้งไปเลย ไปต้องเสียดายนะค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งทำร้ายคุณให้คุณคิดถึงสุขภาพและเงินของคุณเพราะกว่าจะหาได้แต่บาท เอาไปทำสิ่งที่มีประโยชน์กับคุณจะดีกว่าเยอะเลยนะค่ะ
ให้ระวังเรื่องอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด อาหารหวานจัด อาหารเผ็ดจัด อาหารรสเค็มจัด เพื่อให้ร่างกายของคุณอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เพราะว่าอาหารนั้นมีผลต่อสุขภาพจิตโดยตรง
แนะนำให้ท่านอาบน้ำหรือแช่น้ำอุ่นให้ได้ในระยะเวลา 15-20 นาที ประมาณวันละ 2-3 ครั้ง เสร็จจากการอาบน้ำอุ่นแล้ว ให้ใช้น้ำเย็นราดตามตัว จะทำให้ร่างกายของคุณสดชื่น และไม่ทำให้เกิดความรู้สึกอยากสูบบุหรี่เลย
ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือจากบุคลากรทางการแพทย์ และนำคำแนะมาปรับปรุงตัวเอง
ปฏิบัติตนให้สม่ำเสมอ ให้คุณดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานอย่างเหมาะสม โดยการรับประทานอาหาร 3 มื้อให้เป็นเวลา และหาเวลานอนพักผ่อนจะทำให้จิตใจสบาย และออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินเร็ววัน 30-40 นาที  ในระยะเวลา 5 วันนี้คุณควรเอาใจใส่สุขภาพของคุณให้เป็นอย่างดี สุขปฏิบัติที่ดี จะช่วยให้ร่างกายของคุณนั้นอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาแฟอีนและโคล่า  เครื่องดืมที่มีฤทธิ์กระตุ้นหรือระงับประสาท เช่น ชา กาแฟ สุรา โคล่า ฯลฯ คุณควรหลีกเลี่ยงเพราะจะทำให้คุณเกิดความกระวนกระวายใจ ฉะนั้นคุณควรงดเครื่องดื่มตลอดทั้ง 5 วันที่อยู่ในช่วงเวลาการเลิกบุหรี่ ให้คุณดื่มน้ำสะอาดหรือจะดื่มน้ำผลไม้แทนก็ได้ค่ะ
ไม่ใช้ตัวยาอื่นๆ ที่กล่าวคือ ในช่วงระยะเวลา 5 วันที่คุณเลิกบุหรี่ให้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาอื่นๆ เพื่อไม่ให้มีการกดประสาทหรือกระตุ้นประสาท ในช่วงที่ท่านกำลังเลิกสูบบุหรี่คุณต้องพยายามรักษาระดับความมั่นคงของอารมณ์และจิตใจให้คงที่
ห้ามใจอ่อนกับตัวเองเป็นอันขาด เพราะหลายๆ คนคงบอกกับตัวเองว่าอีกสักมวนคงไม่เป็นรัย หรือบอกกับตัวเองว่าพรุ่งนี้ค่อยเลิกก็ได้ มันก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนทำให้คุณไม่ได้เลิกสักที ถ้าเป็นเช่นนี้คงทำให้คุณนั้นไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้สักที ฉะนั้นเราควรเด็ดขาดกับมันจริงๆ
ไวตามินบำรุงประสาท ให้คุณหาซื้อไวตามินบำรุงประสาท ซึ่งสามารถช่วยบำรุงประสาทที่ถูกกด เนื่องจากสารนิโคตินคุณอาจจะกินในรูปแคลเซียมหรือเม็ด หรืออาจจะกินส่าข้าวสาลี (wheat Germ) 1-2 ซ้อนโต๊ะ หรืออาจจะใช้ผสมกับนมสดก็ได้ค่ะ
ให้คุณนั้นอยู่ห่างกับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ของคุณ ให้คุณพยายามหลีกเลี่ยงการไปนั่งเล่นหรือนั่งในสถานที่เดิมที่คุณเคยไปอยู่เป็นประจำทุกๆ วันเพราะว่าความที่คุณเคยชินกับสถานที่อาจจะทำให้คุณคิดที่อยากจะสูบบุหรี่อีกครั้ง ให้คุณลองเปลี่ยนสถานที่ใหม่หรือให้เดินออกกำลังกายไปเลยยิ่งดี วิธีนี้ก็อาจจะช่วยคุณได้ไม่น้อยเลยนะค่ะ
อาจพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ ในระยะเวลาที่คุณเลิกบุหรี่นี้ กำลังใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ท่านต้องสร้างขึ้นมา โดยคุณอาจจะหาสิ่งที่สามมารถยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อเกิดความเชื่อมั่น โดยการสวดมนต์ภาวะนาหรือการกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุณเกิดความสำเร็จในความตั้งใจของคุณ
อาหารที่คุณรับประทานได้ อาหารที่คุณควรเลือกรับประทานควรเป็นอาหารที่ถูกโภชนาการ คือ รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ อาหารมีกากใย รับประทานผักผลไม้ ในปริมาณที่อิ่มพอดี แต้ถ้าหากคุณกระวนกระวายใจในเรื่องการรับประทานอาหารให้กินหมากหอมหรือหมากฝรั่ง หรือยาอมที่ไปไม่รสหวาน  เพื่อให้ปากไม่ว่างและไม่เปรี้ยวปาก ก็จะทำให้คุณอยากสูบบุหรี่อีกเลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณต้องควบคุมเรื่องอาหารและเรื่องน้ำหนักตัวของคุณด้วย และพบว่าหลายคนที่พยายามเลิกสูบบุหรี่แล้วหันรับประทานอาหารเพื่อเป็นการชดเชยจนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 5-10 กิโลกรัม ภายใน 3-5  เดือน ถ้าหากคุณต้องการที่จะเลิกสูบบุหรี่และรักษาสุขภาพให้ดีคุณต้องรู้จักห้ามใจตนเองและไม่ตามใจปากตัวเองควรระมัดระวัง  โดยให้รับประทานผลไม้เป็นหลักและผลไม้ควรเลือกชนิดที่แคลอรี่ต่ำ เช่น มะละกอ แอปเปิล แตงโม สับปะรด พุทธา  และรับประทานผักเป็นหลัก เช่น ชะอม ผักคะน้า ผักกาด ผักบุ้ง แครอท
อย่ายอมแพ้แม้แต่เล็กน้อย ถ้าคุณคิดที่จะทำแล้วเราต้องทุ่มเทกับมันให้สุดๆ อย่าปล่อยโอกาสบางโอกาสที่สามารถทำให้คุณนั้นกลับไปสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะมีสิ่งดึงดูดใจ หรือเพื่อนมาชักชวนก็ตาม ให้คุณนั้นปฏิเสธไปเลยว่าคุณไม่สูบบุหรี่แล้ว และให้ทำเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่แค่นั้นก็เป็นพอ และไม่ต้องแคร์ว่าเพื่อนจะพูดกับเรายังไงขอแค่เราทำสิ่งนี้ให้ได้เท่านั้นเอง
ให้คุณคอยย้ำตัวเองอยู่เสมอ ถ้าหากคุณคิดที่สูบบุหรี่ขึ้นอีก ให้นึกถึงเสมอว่าคุณเลิกบุหรี่เพื่อใคร อย่างเช่น เลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเอง  เลิกบุหรี่เพื่อคนที่คุณรัก เลิกบุหรี่เพราะจะได้มีเงินเก็บเยอะๆ เอาไว้ใช้สอยในวันข้างหน้า เป็นต้น
หลังจากเลิกสูบบุหรี่

     หลังจากที่คุณเลิกสูบบุหรี่นะค่ะ หน้าตาของคุณก็จะดูสดใสขึ้น แต่ริมฝีปากจะมีร่องรอยของความบอบช้ำดำกร้านเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเพราะลิ้นสามารถรับรสได้ดีกว่าตอนที่สูบบุหรี่  ไม่มีกลิ่นตัวและคราบเหลืองเวลาที่คุณออกกำลังกายและจมูกรับกลิ่นได้ดี เห็นมั้ยละค่ะว่าการเลิกบุหรี่นั้นสามารถทำให้คุณนั้นมีชีวิตดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

โทษของการสูบบุหรี่มีดังนี้

เสียเงินจำนวนมากโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลยอีกทั้งยังทำให้เสียสุขภาพอีกด้วย
โรคตับแข็ง เช่นเดียวกับการดื่มสุรา
มะเร็งปอด
ฟันเหลือง
ส่งผลต่อคนรอบข้างหรือคนในครอบครัว
ตาแดง
เล็บเขียว
โรคความดันโรหิตสูง
เป็นมะเร็งกล่องเสียง
อาการไอเรื้อรัง และมีเสมหะมาก ถึงกับไอถี่จนทำให้ไม่สามารถหลับนอนได้
โรคโพรงกระดูกอักเสบ
เป็นมะเร็งหลอดลมและหลอดอาหาร
โรคปริทนต์ (ฟันเน่า)
ประสาทในการรับแย่ลง
ถุงลมโปร่งพองจนไม่สามารถหดตัวกลับคืนได้
โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล
เป็นโรคมะเร็งช่องปาก รวมถึงฟันและลิ้น (ปากเน่า)


 ** การสูบบุหรี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะค่ะ เพราะเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ถึง 25 โรค และทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ฉะนั้นการเลิกสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ดีทำให้สุขภาพของคุณดี อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบให้กับคนรอบข้างอีกด้วยค่ะ

วิธีกระชับรูขุมขนที่ทำเองได้ แบบง่ายๆ


วิธีกระชับรูขุมขน สาเหตุของการรูขุมขนเกิดจากหลายสาเหตุ การเกิดน้ำมันส่วนเกิดและสิวก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรูขุมขน น้ำมันส่วนเกินนั้นจะเกิดการกระตุ้นโดยฮอร์โมน เพราะฮอร์โมนในเพศชายในช่วงวัยรุ่นมีปริมาณที่มาก และเมื่อผิวต้องรับมือกับการหลั่งน้ำมันที่ได้ผลิตออกมาในปริมาณที่มากเกินไป ฉะนั้นจึงทำให้เกิดรูขุมขนที่มนขนาดว้างมากขึ้น เป็นเพราะการเพิ่มความสามารถในการขจัดน้ำมันออกไปให้มาก และวันนี้เรามีวิธีการกระชับรูขุมขนมาฝากหลายๆ วิธีค่ะ

         ขั้นแรกเลยนะค่ะให้นำแตงกวามา 1 ลูก จากนั้นให้ฝานและยีจนเป็นเนื้อละเอียด  จากนั้นให้นำมาผสมกับเลมอน 2-3 หยด แล้วนำมามาส์บนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ในส่วนของแตงกววานั้นมีสารทำให้เย็นจึงสามารถช่วยในการลดรูขุมขนได้ และเลมอนช่วยลดจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอบนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยให้ผิวที่ตายแล้วหลุดออกจากผิวหนังได้อีกด้วย

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยแตงกวาและน้ำผึ้ง 
          ขั้นตอนแรกเริ่มจากการนำแตงกวามาหั่นเป็นชิ้นแล้วนำแตงกวาประมาณ 2-3 ชิ้น มาปั่นรวมกันกับน้ำผึ้งจนละเอียดกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 25-30 นาที หรือรอจนกว่าจะแห้ง แล้วให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น แล้วซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาด คุณจะรูสึกได้เลยว่าหน้าจะเต่งตึงและกระชับขึ้น

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยมาส์กมะเขือเทศ
        ขั้นตอนแรกให้หั่นมะเขือเทศออกเป็นสองส่วน จากนั้นให้นำส่วนด้านในมาถูกับผิวหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด มาส์กนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวสีหรือผิวมัน และมาส์กนี้สามารถทำได้ทุกวันเลยนะค่ะ

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยผักกาดขาวและมะนาว
   ผักกาดขาวและมะนาว นอกจากจะใช้ในการประกอบอาหารได้แล้วยังสามารถใช้ในการกระชับรูขุมขนได้ด้วย และวิธีการทำคือนำผักกาดขาวสองถึงสามใบมา แล้วนำไปบดให้ละเอียด จากนั้นให้นำน้ำมะนาวที่คั้นไว้แล้วไปผสมกับผักกาดขาวที่บดเอาไว้แล้วประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-25 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยไข่ขาว
  ไข่ไก่นอกจากจะสามารถนำไปประกอบอาหารได้แล้วยังสามารถนำมาใช้ในการพอกหน้าได้อีกด้วย แล้ววิธีทำก็คือ นำไข่ขาวมา 1 ฟอง จากนั้นนำมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาทาให้ทั่วไปหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นและล้างอีกทีด้วยน้ำเย็น ส่วนคนที่มีผิวแห้งให้ใช้เฉพาะไข่ขาวให้งดการใช้น้ำมะนาว

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยน้ำแข็งและมะนาว 
        ขั้นตอนแรกให้ทำความสะอาดบริเวณผิวหน้าและตามด้วยการนำน้ำเย็นๆ ราดบนใบหน้าหรือใช้น้ำแข็งห่อผ้านุ่มๆ แล้วถูให้ทั่วใบหน้า ความเย็นจากน้ำแข็งจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าหดตัว และก็จะทำรูขุมขนกระชับชั่วคราว จากนั้นใช้ผ้าสะอาดซับหน้าให้แห้งและสุดท้ายให้นำมะนาวทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยกล้วยหอมหรือกล้วยน้ำว้า 
         ขั้นตอนแรกหั่นกล้วยเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเติมนมสดหรือน้ำผึ้งลงไปขยี้หรือบดให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพอกหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 25-30 นาที  แล้วให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาด จะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดขึ้นและกระชับรูขุมขนด้วย

 วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยสครับน้ำตาลทราย
    น้ำตาลทรายนอกจากจะนำไปประกอบอาหารได้แล้วยังสามารถนำมากระชับรูขุมขนกว้างๆ ได้อีกด้วย ขั้นตอนแรกให้นำน้ำตาลทรายมาผสมกับน้ำผึ้ง และน้ำมันมะกอก แล้วนำไปทาบนใบหน้าแล้วก็ขัดเบาๆ โดยหมุนนิ้วเป็นแนววงกลมเบาๆ เน้นส่วนที่มีรูขุมขนกว้างและผิวมัน  ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำที่เย็นจัด น้ำผึ้งนั้นมีสรรพคุณในการช่วยลดความมันบนใบหน้าและทำให้รูขุมขนเล็กลงอีกด้วยนะค่ะ

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยการสครับเกลือทะเลและโยเกิร์ต 
        เลือกซื้อโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ ในร่นค้าใกล้บ้านคุณ ซึ่งในดยเกิร์ตนั้นมีกรด แลคติกซึ่งอยู่ในกลุ่มเอเอชเอช่วยในการขจัดสิ่งตกค้างบนผิว จากนั้นให้เลือกเกลือที่มีขนาดเล็ก ควรหลีกเลี่ยงการใช้เกลือเม็ดใหญ่และมีเหลี่ยมมุมเพราะจะทำให้ขีดข่วนผิวได้ ผสมโยเกิร์ตเข้ากับเกลือจนเกลือกลายเป็นเม็ดละเอียด จากนั้นนำไปทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ใช้ปลายนิ้ววนเป็นวงกลมเล็กๆ ให้ทั่วใบหน้า ประมาณ 2-3 นาที แล้วทิ้งไว้ประมาณ 3-4 นาที  แล้วให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายให้ใช้เฉพาะโยเกิร์ตก็ได้ไม่ต้องผสมกับเกลือ

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยการมาส์กมะละกอ 
         ขั้นตอนแรกให้นำมะละกอสุกมายีให้ละเอียด จากนั้นให้ทามาส์กมะละกอไว้บนใบหน้าประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ในมะละกอมีกรดผลไม้ (หรือเอเอชเอ) และมีเอนไซม์ผลไม้จากธรรมชาติ ช่วยในการขจัดสิ่งตกค้างและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า และคุณสามารถทำมาส์กนี้ได้ทุกวันอีกด้วย

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยมะเขือเทศและแอพริคอต
         ขั้นตอนแรกนำมะเขือเทศและแอพริคอตมาบดให้ละเอียด และบดทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน จากนั้นให้นำมาทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยการใช้ครีมสำหรับกระชับรูขุมขน
     ในปัจจุบันมีการผลิตครีมสำหรับกระชับรูขุมขนมากมายหลายยี่ห้อให้คุณได้ลองมากมาย แต่คุณจะต้องดูว่าผิวหน้าของคุณควรใช้แบบไหนถึงเหมาะกับผิวของคุณ สำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้างมักจะป็นคนที่มีผิวมัน ฉะนั้นแล้วควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อครีมแบบเจลหรือมีเนื้อบางเบาเพื่อเนื้อครีมจะได้ซึมซับได้ง่าย และไม่ทิ้งส่วนเกินไว้บนใบหน้า และควรต้องใช้ทุกครั้งหลังจากล้างหน้า ซึ่งเป็นเวลาที่รูขุมขนเปิดและผิวหนังจะซึมซับครีมบำรุงได้ดีที่สุดค่ะ

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยการใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน 
       แผ่นลอกสิวเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยรูขุมขนกระชับได้ และสะอาดขึ้นโดยใช้เวลาไม่นาน กาวเหนียวๆ ที่ค่อยๆ แข็งตัวนั้นจะดับจับเอาสิ่งสกปรกบนใบหน้าของคุณออก ทำให้รูขุมขนเล็กลงเลยทีเดียว แต่ที่เราควรคำนึงถึงคือการที่เราใช้ถี่ๆ จะทำให้ผิวบางและยังเป็นการรบกวนผิวมากเกินไป

วิธีการกระชับรูขุมขนด้วยสครับผิว 
       การสครับผิวเป็นการช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้ป็นอย่างดี และในหนึ่งสัปดาห์นั้นเราควรทำการ สครับผิวให้ได้ 1-2 ครั้ง การสครบผิวเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้า และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายที่อยู่ที่ผิวชั้นนอกซึ่งมีโอกาสเข้าไปอุดตันรูขุมขนให้หลุดออกไป และยังได้ผิวหน้าที่สดใสด้วยนะค่ะ

สาเหตุที่ทำให้เกิดรูขุมขนกว้างได้แก่ 

พันธุกรรม ถ้าเกิดว่าคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นคนที่มีรูขุมขนกว้าง และไม่แปลกเลยที่คุณจะเป็นแบบนั้นด้วย
การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม การเกิดรูขุมขนกว้างนั้นเกิดจากการดูแลผิวที่ผิดวิธี เช่นการที่คุณไม่ล้างวันละ 2 ครั้ง ไม่ล้างเครื่องสำอางในตอนเย็นก่อนที่จะนอน ไม่ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ และไม่ขัดผิวเลย
การที่ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรูขุมขนกว้าง เพราะว่าถ้าต่อมใต้ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป ก็จะเกิดการขยายของรูขุมขนกว้างที่ไม่มีวันรักษาหาย
แสงแดด แสงแดดนั้นมีรังสีของความร้อน ซึ่งสาเหตุนี้ทำให้ผิวของคุณนั้นหนาขึ้น แล้วทำให้ผิวของคุณไปอุดตันที่รูขุมขน ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น และแสงแดดเป็นตัวทำลายอีลาสตินและคอลาเจนที่อยู่ในผิว เมื่อผิวมีความยืดหยุ่นน้อยลงรูขุมขนก็จะกว้างขึ้น เนื่องจากคอลาเจนเป็นตัวรักษาความกระชับถูกทำลายไป
สิวอุดตันและสิวหัวดำ ส่วนใหญ่แล้วการเกิดของสิวนี่แหละที่ทำให้รูขุมขนกว้างตามมาได้ถ้าหากว่าคุณนั้นรักษาไม่ถูกวิธี และยิ่งชอบบีบก็ยิ่งจะเจอกับปัญหารูขุมขนกว้างที่ไม่มีวันรักษาได้
วัยแรกรุ่น เป็นวัยที่รูขุมขนขยายใหญ่อยู่แล้ว เพราะมีการขับความมันออกมามากขึ้น และเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นอยู่แล้ว

ที่มา rakjung.com

สารสกัดจากมังคุดช่วยต้านมะเร็ง



ระบุชัดผลทดลองในห้องแลป สารสกัดจากมังคุดช่วยสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด Th1 และ Th17 มีฤทธิ์ช่วยกำจัดและป้องกันการก่อเกิดเซลล์มะเร็งเกือบทุกชนิดได้ แถมน้ำยังสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด Treg ที่ช่วยจัดระเบียบให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสมดุล ขณะที่ผลทดลองกับผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย พบว่าคนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเป็นผลงานของศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย บมจ. เอเซียน ไฟย์โตซูติคอลส์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงข่าวเปิดตัวผลงานวิจัย "สูตรสารธรรมชาติ ต้านมะเร็งจากมังคุด" หวังเป็นทางเลือกให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจากหลากหลายปัจจัย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ เผยว่า งานวิจัยดังกล่าวเป็นการต่อยอดนำเอาคุณประโยชน์ของสารสกัด GM-1 ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะราคาแพง ลดการอักเสบได้เป็น 3 เท่าของแอสไพริน มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี และสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้จากเปลือกมังคุดมาพัฒนาเป็นสูตรสารธรรมชาติ (Balancing Immunity-BIM) ที่ผสมรวมกับสารสกัดจากฝรั่ง งาดำ ถั่วเหลือง และใบบัวบก จนได้อาหารเสริมชนิดดีที่ช่วยปรับระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สมดุล โดยมีผลช่วยเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดขาวชนิด Th1 ที่ทำหน้าที่ในการกำจัดเซลล์มะเร็ง เชื้อรา แบคทีเรีย รวมถึงไวรัส และเม็ดเลือดขาวชนิด Th17 ที่ทำหน้าที่ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ

ที่มา never-age.com

เรากินอาหารครบ 5 หมู่แล้วจริงหรือ?



อาหารหลัก 5 หมู่ พูดถึงอาหารแล้วทุกคนย่อมเข้าใจถึงสิ่งที่กินเพื่อให้หายหิว และหายอยาก แต่หลายคนไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์และโภชนาการของอาหารเหล่านั้น จึงทำให้บางคนมีภาวะขาดสารอาหาร และบางคนเกิดภาวะเสื่อมถอยของร่างกายเพราะไม่ได้อาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ ร่างกายจึงแสดงอาการออกมาตามสิ่งที่ขาดไป เช่น ขาดวิตามินเอ ทำให้ตาฟาง มองไม่เห็นในที่มืด เพราะไม่ได้กินผักผลไม้ให้เพียงพอ เป็นต้น ดังนั้น เราควรมาทำความรู้จักกับ อาหารหลัก 5 หมู่ อย่างถ่องแท้กันเถอะ

อาหารหลัก 5 หมู่ คือ อาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน 5 ชนิด โดยนำอาหารที่มีสารอาหารเหมือนกัน มาไว้ในหมวดหมู่เดียวกัน ซึ่งคนเราในแต่ละวันนั้น ต้องการสารอาหารทั้ง 5 ชนิด ดังนั้นเราควรกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่

อาหารหลัก 5 หมู่ จำแนกได้ดังนี้


หมู่ที่ 1 โปรตีน
หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต
หมูู่ที่ 3 วิตามิน
หมู่ที่ 4 แร่ธาตุ
หมู่ที่ 5 ไขมัน

เพื่อความเข้าใจง่ายเราจะจัด อาหารหลัก 5 หมู่ กันใหม่ เพื่อการจดจำที่ง่าย และ สามารถหาทานได้อย่างถูกต้อง จะได้มีประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งเราจะจำแนกออกเป็น 5 หมู่ และบอกประโยชน์ รวมทั้งตัวอย่างดังนี้

อาหารหลัก 5 หมู่ ดังนี้

อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วเมล็ดแห้ง (โปรตีน)

ให้สารอาหารประเภท โปรตีน

ประโยชน์
- ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค
- ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ของร่างกาย อันได้แก่แผลต่างๆ หรือจากการเจ็บป่วย
- จะถูกนำไปสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ เลือด เม็ดเลือด ผิงหนัง น้ำย่อย ฮอร์โมน ตลอดจนภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ

สรุปให้จำง่ายๆ คือ เจริญเติบโต ซ่อมแซม สร้าง

โปรตีน เป็นส่วนประกอบหลักของทุก ๆเซลล์ในร่างกาย จึงถือได้ว่าอาหารหมูนี้เป็นอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างของร่างกายในการเจริญเติบโต และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ


อาหารหมู่ที่ 2 ข้าวแป้ง น้ำตาล เผือก มัน (คาร์โบไฮเดรต)

ให้สารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต

ประโยชน์
- ให้ พลังงาน แก่ร่างกาย ให้ร่างกายสามารถทำงานได้
- ให้ ความอบอุ่น แก่ร่างกาย

สรุปให้จำง่ายๆ คือ ให้ พลังงาน+ความอบอุ่น

พลังงานที่ได้จากหมู่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ให้หมดไปวันต่อวันเช่น ใช้ในการวิ่ง เล่น เดิน ทำงาน การออกกำลังกายต่าง ๆ แต่ถ้ากินอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน และทำให้เกิดโรคอ้วนได้

อาหารหมู่ที่ 3 ผักต่างๆ (วิตามิน+แร่ธาตุ)

ให้สารอาหารประเภท วิตามิน และแร่ธาตุ

ประโยชน์
- ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานเชื้อโรค
- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- มีกากใยมาก ทำให้ลำใส้ทำงานปกติ ขับถ่ายง่าย

ตัวอย่างอาหารหลัก หมู่นี้ คือ ผักต่าง ๆ เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกาด และผักใบเขียวอื่น ๆ นอกจากนั้นยังรวมถึงพืชผักอื่น ๆ เช่น มะเขือ ฟักทอง ถั่วฝักยาว เป็นต้น

อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ (วิตามิน+แร่ธาตุ)

ให้สารอาหารประเภท วิตามิน และแร่ธาตุ

ประโยชน์
- ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานเชื้อโรค
- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- มีกากใยมาก ทำให้ลำใส้ทำงานปกติ ขับถ่ายง่าย


อาหารหมู่ที่ 5 น้ำมัน และไขมัน จากพืชและสัตว์ (ไขมัน)

ให้สารอาหารประเภท ไขมัน

ประโยชน์
- ให้พลังงานแก่ร่างกาย
- สะสมไว้ใต้ผิวหนังส่วนต่างๆ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และร่างกายจะดึงออกมาใช้เมื่อเวลาจำเป็น-
- ช่วยดูดซึมวิตามินชนิดละลายในไขมัน อันได้แก่ วิตามิน เอ ดี อี และ เค


สามารถแบ่งอาหาร กลุ่มไขมัน ได้เป็น 2 ประเภท
1 อาหารไขมันดี คือ ไขมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นซึ่งจัดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาใช้เองได้นั้นมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ รวมถึงใช้ในการผลิตฮอร์โมนบางชนิด อาหารที่อุดมไปด้วยไขมันดี ได้แก่ โอเมก้า 3 น้ำมันปลา ผัก ถั่วและเมล็ดธัญพืช
2.อาหารไขมันร้าย ได้แก่ ไขมันอิ่มตัว (ที่พบมากในเนื้อ เนย นมสดและเนยแข็ง) และไขมันทรานส์ (ที่พบมากในอาหารจำพวก มาการีน ขนมบรรจุและขนมอบ) โดยไขมันร้ายทั้งสองชนิดนี้จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและนำมาสู่โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เป็นต้น


ดังนั้นเราควรทานอาหารให้ได้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อจะได้ทำให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง เพื่อที่จะทำให้ร่างกายไม่เจ็บป่วย สุขภาพจิตใจ และร่างกาย ดีตลอดไป

ที่มา rakjung.com

น้ำมะนาวโซดาล้างพิษ


ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มล้างพิษ เชื่อเลยว่า คนที่รักสุขภาพหลาย ๆ คนน่าจะคิดถึง น้ำมะนาวโซดา เป็นอันดับต้น ๆ ยิ่งในตอนนี้ มะนาวโซดา หรือมะนาวผสมโซดา กลายเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตเลยทีเดียว เพราะมีความเชื่อว่า น้ำมะนาวผสมโซดา จะช่วยรักษามะเร็งได้ แต่ก็มีแพทย์ออกมาเตือนแล้วว่า น้ำมะนาวผสมโซดาไม่ได้ช่วยรักษามะเร็งแต่อย่างใด เพียงแต่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระที่เป็นตัวก่อเซลล์มะเร็งได้เท่านั้นเอง

          แต่ถึงแม้น้ำมะนาวโซดาแก้วนี้ จะไม่ได้ช่วยรักษาโรคมะเร็งอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ได้ แต่น้ำมะนาวโซดา สามาถช่วยล้างพิษ หรือดีท็อกซ์ได้นะจ๊ะ แต่ก็ต้องระวังให้มากหน่อยสำหรับผู้ที่เป็นโรคกะเพาะ หรือผู้ป่วยโรคทางเดินอาหาร เพราะมะนาวและโซดามีฤทธิ์เป็นกรด อาจจะเข้าไปกัดกระเพาะเข้าได้ ควรจะดื่มในปริมาณที่พอเหมาะพอควรนะคะ

น้ำมะนาวโซดา

          ก่อนที่จะไปสนุกกับเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีน้ำมะนาวโซดาเป็นส่วนผสม ลองมาดูน้ำมะนาวโซดาแบบพื้นฐานกันก่อนเลย ว่าที่เขาฮิตดื่มกันเนี่ยมีส่วนผสมอะไรบ้าง

ส่วนผสม
            
           น้ำตาลทราย
           น้ำ
           น้ำมะนาวคั้น
           โซดา
           น้ำแข็ง

วิธีทำ
            
          1. ทำน้ำเชื่อม โดยใส่น้ำตาลทรายและน้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย พักทิ้งไว้จนเย็น เตรียมไว้ 

          2. ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว ตามด้วยน้ำเชื่อม น้ำมะนาว และโซดา คนผสมให้เข้ากัน เติมน้ำแข็ง พร้อมดื่ม

ที่มา kapook

เคล็ดลับเพิ่มเสน่ห์อกสวยกระชับ 5 ขั้นตอน แบบง่ายๆ


หน้าอกใหญ่แบบเต็มไม้เต็มมือ ถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของสาวๆ หลายคนเลยใช่มั้ยคะ แต่ครั้นจะให้ไปพึ่งมีดหมอบางคนก็ยังกลัวอยุ่ดี เพราะไม่อยากเจ็บตัวแถมยังต้องพักฟื้นอีกนาน แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับบริหารทรวงอกที่ใครๆ ก็สามารถทำได้มาฝากกัน สาวๆ ลองนำไปทำกันดูนะคะแล้วทรวงอกของคุณจะอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือแน่นอน

1.ขั้นแรกต้องอยู่ในท่าเตรียมด้วยการยืนตรง แยกเท้าทั้งสองข้างออกเล็กน้อย หลังจากนั้นให้ประสานมือทั้งสองข้าง แล้วเหยียดแขนไปข้างหน้าให้ขนานกับพื้น แขนต้องตึง หน้าต้องมองตรง ค่อยๆ เหยียดแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นบนศีรษะ แล้วค่อยๆ ยืดไปทางด้านหลัง ค้างไว้สักครู่ แล้วค่อยๆ กลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำอย่างน้อย 4-5 ครั้ง จะช่วยบริหารหน้าอกได้ดีค่ะ

2.จากนั้นให้เอามือทั้ง 2 ข้างมาประสานกันไว้ที่ข้างหลัง ทำตัวให้ยืดตรง แล้วค่อยๆ เอนตัวไปด้านหลังพร้อมกับแอ่นตัวอย่างช้าๆ ใหมือทั้ง 2 ข้างยังคงประสานกันไว้ข้างหลัง ค้างจังหวะไว้สัก 10 วินาที ทำท่านี้อย่างน้อย 3-5 ครั้ง เช่นกัน

3.กลับมายืนท่าเดิม แยกเท้าทั้งสองข้างพอประมาณ งอแขนเข้ามาและกางศอกให้อยู่ในระดับไหล่ ค่อยๆ เหวี่ยงแขน 2 ข้างออกด้านข้างลำตัว พร้อมกับแอ่นตัวออกไปด้านหน้าเล็กน้อยในขณะที่เหวี่ยงแขนด้วย ทำซ้ำ 3-5 ครั้งเช่นเคยค่ะ

4.ยืนตรง แยกเท้าทั้งสองข้างให้ห่างกันพอประมาณ แล้วชูแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือศีรษะ หันฝ่ามือเข้าหากันแล้วค่อย ๆ ดึงศอกข้างขวาลงมาให้ต่ำกว่าระดับไหล่เล็กน้อย หลังจากนั้นให้กลับสู่ท่าเริ่มต้น และเปลี่ยนจากดึงศอกข้างขวา เป็นดึงศอกข้างซ้ายแทนค่ะ ทำสลับกันอย่างนี้ประมาณ 4-5 ครั้ง

5.ท่าจบนี้เราก็จะยืนแยกเท้าพอประมาณเหมือนเดิม จากนั้นให้ก้มตัวของเราลงขนานกับพื้น แล้วใช้แขนทั้ง 2 ข้างเหยียดตรง โดยให้ปลายมือชี้ลงพื้น ขั้นตอนนี้ถ้าสาวๆ คนไหนตัวอ่อนหน่อย ก็อาจจะก้มตัวลงให้สุดเลยก็ได้ค่ะ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ดึงศอกทั้ง 2 ข้างขึ้นไปทางด้านหลัง แล้วค้างจังหวะไว้ สัก 10 วินาที กลับสู่ท่าเริ่มต้นแล้วทำวนไปเรื่อยๆ สัก 3-5 ครั้ง

ท่านี้จะช่วยให้หน้าอกของคุณกระชับขึ้นและยังขยายใหญ่ขึ้นอีกด้วย ซึ่งหากทำเป็นประจำก็จะช่วยให้คุณมีหน้าอกที่อวบอึ๋มได้ดั่งใจเลยล่ะ เพราะฉะนั้น หากสาวๆ อยากมีหน้าอกใหญ่เต็มมือล่ะก็ ลองนำวิธีเพิ่มอกสวยที่เรานำมาแนะนำวันนี้ไปทำกันดูนะคะ รับรองอกสวยแน่นอน โดยไม่ต้องเพิ่งมีดหมอเลยล่ะ

ที่มา mamaexpert.com

จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นแรง


จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นแรง
ปฎิเสธไม่ได้เรื่องกลิ่นของจุดซ่อนเร้นมีทุกคนค่ะ แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเพศ อาหารที่รับประทาน การดูแลเรื่องความสะอาดของแต่ละคน รวมถึงผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ด้วย ช่องคลอดมักมีกลิ่นไม่พึงประสงค์มักมาร่วมกับอาการคัน มีตกขาว แสบร้อน ระคายเคือง หรือจะมาแค่กลิ่นก็ได้

สาเหตุของกลิ่น

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือโรค Bacterial Vaginosis ที่มักจะพ่วงมากับอาการคันและมีตกขาว ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียนี้เกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด เกิดได้ในผู้หญิงทุกคนแม่จะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็ตามค่ะ

เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างเชื้อทริโคโมแนสก็ทำให้เกิดกลิ่นได้ค่ะ อาการคล้าย ๆ กันคือ มีตกขาวสีเหลืองปนเขียว คัน และมีกลิ่น ซึ่งควรพบแพทย์เช่นกันค่ะ
สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ สุขอนามัยที่ไม่ดี การมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เช่น ลืมผ้าอนามัยแบบสอดไว้ในช่องคลอด มีชิ้นส่วนของถุงยางอนามัย สิ่งแปลกปลอม เซ็กส์ทอย
สาเหตุอื่นที่พบได้แต่ไม่บ่อย ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอดนะคะเห็นไหมคะ ว่าแค่ “กลิ่น” ที่ผิดปกติ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ
ซึ่งหากมีอาการควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาให้ตรงจุดคุณผู้หญิงส่วนใหญ่เวลามีอาการผิดปกติชอบไปซื้อยามาเหน็บเองซึ่งยาเหน็บส่วนใหญ่มันเป็นยาฆ่าเชื้อรา ทางที่ดีควรพบแพทย์เพื่อตรวจดูก่อนว่ากลิ่นที่ว่าเกิดจากอะไร จะได้ให้ยาให้ตรงกับโรคที่เป็นได้ค่ะ



วิธีแก้ไขและป้องกัน

งดของหมักดอง รสจัดจ้าน หลายๆคนที่ชอบกินของหมักของดอง ต้องเพลาๆ กันลงบ้างเพราะจะทำให้น้องสาวมีกลิ่นเหม็น บางคนกินอาหารรสจัด กลิ่นฉุน หรือกระเทียม ปลาร้า ปูดอง ปลาเค็ม วันรุ่งขึ้นน้องสาวเหม็นตีขึ้นจมูกไปเลยก็มี
การกินนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต ก็ช่วยน้องสาวของคุณ มีกลิ่นหอมสดชื่นได้นะคะ ทานสัก 2-3 วัน อาการเหม็นก็บรรเทาเบาบางลง และที่สำคัญทานน้ำเปล่าให้มากค่ะจะช่วยได้ดีทีเดียวเชียว

อย่าสวนล้างช่องคลอด หลายๆคนคงคิดว่าการสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆจะทำให้น้องสาวสะอาดยิ่งขึ้น เข้าใจผิดนะคะ การสวนล้างบ่อยๆจะทำให้ช่องคลอดเกิดภาวะเป็นด่าง สิ่งที่ตามมาคืออัตราการสร้างเชื้อแบคทีเรียก็สูงเพิ่มมากขึ้นด้วยและอาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคช่องคลอดอักเสบด้วยนะคะ

ทำความสะอาดแบบเช็ดหลังมาหน้า ข้อนี้น่าจะเป็นข้อที่นึกภาพออกได้อย่างชัดเจน เวลาเข้าห้องน้ำทำธุระหนัก หลายคนชอบเช็ดจากหลังมาหน้าคือพูดง่ายๆ เริ่มต้นเช็ดจากก้นมาจบที่น้องสาว ของเสียที่ขับออกมาจากทางทวารคงไม่ต้องบรรยายว่าเหม็นและสกปรกขนาดไหน พอเชื้อโรคพวกนี้เข้าไปอยุ่ในช่องคลอดก็ยิ่งอับและเหม็น บางคนมีกลิ่นเหม็นจนอายตัวเองไปเลย

กินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ การกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ หรือกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ยาปฏิชีวนะจะไปทำลายเจ้าเชื้อแบคทีเรีย “แลคโตบาซิลลัส” ที่มีหน้าที่ฆ่าเชื้อราในช่องคลอด ทีนี้จึงเป็นโอกาสให้เชื้อราเจริญเติบโตอยู่ภายในช่องคลอด  ทำให้มีโอกาส ตกขาว และมีกลิ่น มากขึ้น

เลือกสวมใส่กางเกงชั้นใน   กางเกงชั้นในที่ดีระบายอากาศต้องทำจากผ้าคอตตอนที่บางเบา ระบายอากาศได้ดี ไม่สวมใส่ชุดชั้นในรัดแน่นจนเกินไปนอกจากสร้างกลินแล้ว ทำให้เกิดการเสียดสีเพิ่มมากขึ้น รอยคล้ำเพิ่มมากขึ้นด้วย

ในผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์พบว่า จุดซ่อนเร้นมักมีกลิ่นเพิ่มขึ้นโดยเท่าตัว เนื่องจากมีการเปลี่ยนเเปลงของระดับออร์โมนในร่างกาย คุณแม่ตั้งครรภ์อย่าละเลยสุขภาพของจุดซ่อนเร้น เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ค่ะ

ที่มา mamaexpert.com

เรื่องน่ารู้